

05 May 2025 | Category: Market Updates
ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์), Bloomberg (ณ วันที่ 30 เม.ย. 2568) ผลตอบแทนรวมเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์
ผลการดำเนินงานของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ (S-REIT) ในเดือนเมษายน 2568 มีความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนในตลาดโลกโดยรวม โดยในเดือนนี้ ดัชนี iEdge S-REIT ตกลง 1.9% ซึ่งทำผลงานได้ดีกว่าดัชนี Straits Times Index (STI) ที่ลดลง 2.3% เล็กน้อย นอกจากนี้ S-REIT ยังมีผลการดำเนินงานดีกว่าดัชนี FTSE EPRA Nareit Global REITs ที่ตกลงไปอย่างมากที่ 3.0%
ผลการดำเนินงานของหุ้น 30 ตัวของดัชนี iEdge S-REIT นั้นมีความหลากหลายกันไป โดยหุ้น 22 ตัว ราคาตกลง และหุ้น 8 ตัว ราคาเพิ่มขึ้น หุ้นสามตัวที่ราคาตกลงมากที่สุดในเดือนนี้คือ Manulife US REIT, Mapletree Logistics Trust และ ESR-REIT ในทางกลับกัน หุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดคือ Frasers Hospitality Trust, Frasers Centrepoint Trust และ CapitaLand Integrated Commercial Trust
ผลการดำเนินงานในเดือนเมษายน 2568 ไม่คงที่และมีความผันผวนค่อนข้างมากในตลาด ดัชนี iEdge S-REIT ตกลง 10.5% ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมจนถึงวันที่ 9 เมษายน ตามด้วยการปรับตัวขึ้น 9.5% ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน จนถึงวันที่ 30 เมษายน ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้สอดคล้องกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดโลก เนื่องจากนักลงทุนประเมินสถานการณ์การปรับขึ้นภาษี
หุ้นทั้งหมด 30 ตัวของดัชนี iEdge S-REIT ล้วนมีกำไรในช่วงสามสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 30 เมษายน หุ้นที่ทำกำไรได้มากที่สุดคือ Prime US REIT, CapitaLand China Trust และ Frasers Hospitality Trust โดยในช่วงสามสัปดาห์นี้ หุ้นที่มีผลการดำเนินงานสูงสุด 10 ตัวในดัชนี iEdge S-REIT ส่วนใหญ่มีการเข้าซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบัน โดยมียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันรวม 23.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
แม้จะเป็นเดือนที่มีความผันผวนสูง แต่ S-REIT ยังสามารถรักษาผลตอบแทนเป็นบวกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ โดยมีผลตอบแทนรวมที่ 0.8% ผลการดำเนินงานนี้โดดเด่นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับดัชนี FTSE EPRA Nareit Global REITs ที่ตกลง 3.0% ในช่วงเวลาเดียวกัน ประมาณครึ่งหนึ่งของหุ้นในดัชนี iEdge S-REIT ได้สร้างกำไรจากผลตอบแทนรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน โดยหุ้นสามตัวที่ทำกำไรสูงสุดในสี่เดือนแรกของปี 2568 คือ ParkwayLife REIT, CapitaLand Integrated Commercial Trust และ Frasers Hospitality Trust
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวของกระแสเงินลงทุนในตลาด S-REITs ในเดือนเมษายนที่น่าจับตา นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ โดยมีจำนวนขายสุทธิทั้งหมด 90.3 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็มีการขายสุทธิเช่นกัน โดยมีจำนวนการขายสุทธิที่ 54.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
กอง REIT ที่มียอดขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบันมากที่สุด ได้แก่ Mapletree Logistics Trust, Mapletree Industrial Trust และ ESR-REIT ในขณะเดียวกัน กอง REIT ที่มียอดขายมากที่สุดจากนักลงทุนรายย่อย คือ CapitaLand Integrated Commercial Trust, Frasers Centrepoint Trust และ CapitaLand Ascendas REIT
ในทางกลับกัน บางกอง REIT สามารถดึงดูดการเข้าซื้อสุทธิได้จากทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย
เมื่อต้นสัปดาห์ Stoneweg European REIT ประกาศว่าได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับแผนการรวมหน่วยเพื่อจัดตั้ง Stoneweg European Stapled Trust แล้ว ซึ่งประกอบด้วย Stoneweg European REIT และ Stoneweg European Business Trust การรวมหน่วยที่เสนอนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กองฯ ยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านภาษี ความยืดหยุ่นในการดำเนินงานในอนาคต และขอบเขตที่กว้างขึ้นสำหรับการลงทุนในอนาคต
กลยุทธ์ แผนการดำเนินงาน และการมุ่งเน้นไปที่ประเภททรัพย์สินของกองฯ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม กองฯ ส่วนที่เป็น business trust สามารถดำเนินโครงการพัฒนาได้ แต่ไม่มีความมุ่งหมายที่จะเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาเกิน 10 % เปอร์เซ็นต์ในระยะยาว โดยกองฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินโดยรวมในระยะกลางที่ 35 ถึง 40% โดยมีเพดานที่ 45%
สําหรับการวิจัยและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาค REIT ของสิงคโปร์ โปรดไปที่ https://www.sgx.com/securities/sectors สําหรับแผนภูมิ SREITs & Property Trusts
REIT Watch เป็นคอลัมน์ประจำใน The Business Times อ่านเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่นี่ https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/s-reits-secondary-fundraising-rebounds-2024-more-may-tap-capital-markets-next-year