REIT Watch – ฤดูกาลประกาศผลประกอบการของ S-REIT เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีทรัสต์ 37 แห่งมีกำหนดรายงานผลประกอบการในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

การประกาศผลประกอบการหรือการอัปเดตธุรกิจของ S-REIT ที่กำลังจะมีขึ้น

ที่มา: การประกาศของบริษัท (ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568)

ฤดูกาลประกาศผลประกอบการล่าสุดสำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ (S-REIT) ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีทรัสต์เจ็ดแห่งได้รายงานผลประกอบการล่าสุดหรืออัปเดตทางธุรกิจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

S-REIT อื่น ๆ อีก 30 แห่ง ก็ได้ประกาศว่าผลประกอบการล่าสุดของกองมีกำหนดประกาศระหว่าง 28 กรกฎาคม และ 14 สิงหาคม ในบรรดา S-REIT 37 แห่ง มี S-REIT 31 แห่งที่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสหรือครึ่งปี สี่แห่งจะรายงานถึงอัปเดตทางธุรกิจรายไตรมาส และอีกสองแห่งจะรายงานผลประกอบการเต็มปี

Sabana Industrial REIT, Digital Core REIT, Mapletree Logistics Trust (MLT) and OUE REIT เริ่มการประกาศผลประกอบการล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 กรกฎาคม) ตามด้วย Suntec REIT และ Frasers Centrepoint Trust (FCT) ที่ประกาศผลเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (24 กรกฎาคม) และ Keppel DC REIT ที่ประกาศผลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ในบรรดา REIT ที่ได้ประกาศผลประกอบไปแล้ว ส่วนใหญ่รายงานถึงผลการดำเนินงานที่คงที่ โดยบางกองมีการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วย (DPU) สูงขึ้นในช่วงรายงานล่าสุด

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้จัดการกอง REIT ยังคงจับตามองผลกระทบของความตึงเครียดทางการค้าและภาษีนำเข้าในอนาคต และให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตการลงทุนและเงินทุน ควบคู่กับการมองหาโอกาสใหม่ ๆ

เงินปันผลต่อหน่วยของ Sabana REIT เพิ่มขึ้น 26.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 0.017 ดอลลาร์สิงคโปร์ในครึ่งแรกของปี 2568 อันเป็นผลจากรายได้รวมและรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์ (NPI) ที่สูงขึ้น โดยผู้จัดการกองฯ กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้นในอสังหาริมทรัพย์บางแห่งและการปรับขึ้นค่าเช่าทั้งพอร์ต

อย่างไรก็ตาม ทางกองฯ ระบุว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มด้านการค้าที่ไม่แน่นอน และแรงกดดันด้านต้นทุน ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ และทางกองฯ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตราการเช่าของทรัพย์สินในพอร์ต ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อที่จะดึงดูดและรักษาผู้เช่าที่คำนึงถึงต้นทุน

กองทรัสต์อื่นอย่าง Digital Core REIT ได้รายงานเงินปันผลต่อหน่วยจำนวนเท่าเดิมที่ 0.018 ดอลลาร์สิงคโปร์ในครึ่งแรกของปี 2568 ถึงแม้จะมีรายได้รวมและรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์ (NPI) ที่สูงขึ้น ผู้จัดการกองฯ ระบุว่า พื้นฐานของธุรกิจศูนย์ข้อมูลยังคงตึงตัวในตลาดหลักทั่วโลก และกองฯ ยังคงมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน

ในครึ่งแรกของปี 2568 Digital Core REIT ได้ซื้อหน่วยลงทุนคืนเป็นจำนวนทั้งหมด 1.8 ล้านหน่วย ณ ราคาเฉลี่ยที่ 0.565 ดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้เงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% หน่วยลงทุนดังกล่าวถูกถือไว้เป็นหน่วยลงทุนซื้อ และถูกตัดในเวลาต่อมา

OUE REIT รายงานถึงเงินปันผลต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น 5.4% สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 หลังจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของต้นทุนทางการเงิน ซึ่งลดลงถึง 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้และรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์ของกองฯ ตกลงเล็กน้อยในช่วงเวลาดังกล่าวเมื่อเปรียบเทียบแบบเทียบเคียงกัน เนื่องจากพอร์ตทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ในสิงคโปร์ที่แข็งแกร่งช่วยชดเชยบางส่วนของรายได้จากกลุ่มธุรกิจการบริการซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า

ผู้จัดการของ OUE REIT ระบุว่า การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีวินัย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยข้ามคืนแบบทบต้นของสิงคโปร์ (SORA) ที่ลดลง ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของเงินปันผลต่อหน่วย

ส่วน S-REIT กองอื่น ๆ ที่มีทรัพย์สินในสิงคโปร์ ก็ได้ระบุถึงการปรับตัวในต้นทุนทางการเงินของกองเช่นเดียวกัน

Suntec REIT รายงานถึงเงินปันผลต่อหน่วยที่โตขึ้น 3.7% สำหรับครึ่งปีแรก โดยพอร์ตทรัพย์สินสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก และการประชุมยังมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ผู้จัดการกองฯ ระบุว่าต้นทุนทางการเงินสำหรับ Suntec REIT ลดลง ถึงแม้จะมีความพยายามในการรีไฟแนนซ์และการลดภาระหนี้ลงด้วยเงินที่ได้จากการขายห้องสำนักงานแบบกรรมสิทธิ์ร่วม (Strata) ของ Suntec

ในทำนองเดียวกัน FCT ระบุว่า ต้นทุนหนี้สินของกองฯ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ 3.7% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 จาก 4.1% เมื่อปีก่อนหน้า

อัตราการเช่าทรัพย์สินที่ทำสัญญาแล้วของกองฯ ยังคงที่และอยู่ในระดับสูงถึง 99.9% โดยปริมาณของผู้เข้าจับจ่ายและยอดขายของผู้เช่าเพิ่มขึ้น 2.1% และ 4.4% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้จัดการของกองฯ ระบุว่าอุปทานที่มีจำกัดและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดค้าปลีกชานเมืองของสิงคโปร์

กองทรัสต์อื่นอย่าง MLT ก็ได้รายงานตัวชี้วัดถึงการดำเนินงานที่มั่นคง โดยมีอัตราการเช่าอยู่ที่ 95.7% และการปรับขึ้นค่าเช่าที่ 2.1%

รายได้รวมและรายได้สุทธิจากอสังหาริมทรัพย์ลดลง 2.4% และ 2.1% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งโดยหลักเนื่องมาจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการขาดรายได้จากทรัพย์สินที่ขายออกไปแล้ว 12 แห่ง แต่หากคำนวณบนฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ นับว่าผลการดำเนินงานของพอร์ตคงที่

หากไม่รวมกำไรที่ได้จากการขายทรัพย์สิน เงินปันผลต่อหน่วยจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่คงที่ อย่างไรก็ตาม เงินปันผลต่อหน่วยของกองฯ ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องด้วยสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลง และไม่มีรายได้พิเศษจากการขายทรัพย์สินแบบครั้งเดียว

สําหรับการวิจัยและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาค REIT ของสิงคโปร์ โปรดไปที่ https://www.sgx.com/securities/sectors สําหรับแผนภูมิ SREITs & Property Trusts

REIT Watch เป็นคอลัมน์ประจำใน The Business Times อ่านเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่นี่ https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/s-reits-secondary-fundraising-rebounds-2024-more-may-tap-capital-markets-next-year

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *