การระดมทุนของ S-REIT ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2568
ที่มา: การประกาศของบริษัท
กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ (S-REIT) มีกิจกรรมการระดมทุนที่คึกคักในปี 2568 โดยยอดรวมจากการระดมทุนทั้งแบบการขายหลักทรัพย์ใหม่แก่นักลงทุนโดยตรง (primary) และแบบการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านนักลงทุนอื่น (secondary) อยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2564
S-REIT อย่างน้อย 10 กองได้ประกาศยอดการระดมทุนรวมมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เกินจากยอดที่เคยระดมทุนได้ 2.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปี 2567 และ 1.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปี 2566
เกือบครึ่งหนึ่งของการระดมทุนของ S-REIT ในปีนี้มาจากตลาดหลัก โดยมีการเสนอขายหลักทรัพย์แบบการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่สาธารณชน (IPO) ของ NTT DC REIT และ Centurion Accommodation REIT (CAREIT) ซึ่งระดมทุนได้ 824.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 816.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตามลำดับ
การเสนอขายหลักทรัพย์แบบ IPO ของทั้งสอง S-REIT นี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน โดยการเสนอขายหน่วยลงทุนของ NTT DC REIT ที่ 599.9 ล้านหน่วย มีการจองซื้อเกินกว่าที่เสนอขาย 4.6 เท่า ในขณะที่การเสนอขายหน่วยลงทุนของ CAREIT ที่ 262.2 ล้านหน่วย มีการจองซื้อเกินกว่าที่เสนอขายถึง 16.6 เท่า
ในตลาดรอง บรรดากอง S-REIT ก็มีกิจกรรมการระดมทุนอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน เพื่อรักษาระดับการระดมทุนในปี 2567 ที่มีการระดมทุนมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ผ่านการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) และการเสนอขายหน่วยลงทุนให้ผู้ถือหน่วยเดิมในลักษณะพิเศษ (Preferential Offering)
ณ วันที่ 10 ตุลาคม S-REIT อย่างน้อยแปดกองได้ประกาศการเสนอขายแบบ Private Placement และการเสนอขายแบบ Preferential Offering มากกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นับตั้งแต่ต้นปี โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนี้โดยหลักจะถูกใช้เพื่อเป็นทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการและชำระหนี้บางส่วน
โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน REIT ขนาดใหญ่ในดัชนี Straits Times (STI) ขึ้นนำในแง่ของการระดมทุนแบบการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านนักลงทุนอื่น (secondary)
ในเดือนสิงหาคม CapitaLand Integrated Commercial Trust ระดมทุนได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยส่วนหนึ่งของเงินที่ได้จากการระดมทุนถูกใช้เพื่อการเข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือใน CapitaSpring การเสนอขายหน่วยลงทุนดังกล่าวได้เพิ่มขนาดขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และการเสนอขายที่รวมส่วนที่ขยายเพิ่มแล้วได้รับการจองซื้อเกินกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง 4.9 เท่า
สำหรับกองทรัสต์อื่น ๆ CapitaLand Ascendas REIT ก็ระดมทุนได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากการเสนอขายแบบ Private Placement ในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการจัดหาเงินบางส่วนสำหรับการซื้อทรัพย์สินสองแห่ง รวมถึงศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ และเพื่อลดหนี้สิน การเสนอขายแบบ Private Placement นี้ได้รับการจองซื้อเกินกว่าจำนวนเสนอขายประมาณ 4.1 เท่า โดยมีการเข้าร่วมอย่างแข็งแกร่งจากกลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งรายใหม่และรายเดิม กองทุนที่เน้นลงทุนโดยการซื้อทรัพย์สินเพื่อถือในระยะยาว (Long Only) ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนที่มั่งคั่งและมีทรัพย์สินสูง และนักลงทุนแบบหลายกลยุทธ์
Frasers Centrepoint Trust ยังได้ระดมทุนมากกว่า 420 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อต้นปีนี้ ผ่านการเสนอขายแบบ Preferential Offering และการเสนอขายแบบ Private Placement เพื่อชำระหนี้และเข้าซื้อส่วนที่เหลือของ Northpoint City การเสนอขายแบบ Private Placement นี้ถูกเพิ่มขนาดจาก 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เป็น 220 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และการออกหน่วยที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับการจองซื้อเกินกว่าจำนวนเสนอขายประมาณ 4 เท่า
เมื่อไม่นานมานี้ Keppel DC REIT ยังได้ประกาศการเริ่มการเสนอขายหน่วยลงทุนแบบ Preferential Offering ในเดือนกันยายนเพื่อระดมทุนรวมประมาณ 404.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยส่วนใหญ่ของเงินที่ได้จะนำไปใช้สำหรับการจัดหาเงินบางส่วนในการซื้อทรัพย์สิน และเพื่อชำระหนี้ ทั้งนี้ หน่วยลงทุนใหม่จากการเสนอขายดังกล่าวคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ในวันที่ 22 ตุลาคม
Keppel DC REIT เป็นกอง REIT ด้านศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในขณะที่ CICT ได้กลายเป็นกอง REIT ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
กอง S-REIT อื่น ๆ ที่มีการดำเนินกิจกรรมการระดมทุนในปี 2568 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ Keppel REIT, Prime US REIT และ Elite UK REIT
การระดมทุนและการทำธุรกรรม (ดีล) ที่เพิ่มขึ้นของ S-REITs สอดคล้องกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในสิงคโปร์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
ฝ่ายวิจัยของ Knight Frank สิงคโปร์ ระบุว่ายอดขายการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในไตรมาส 3 ปี 2568 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23.8% จาก 8.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการเข้าซื้อ CapitaSpring ของ CICT เป็นธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในไตรมาสดังกล่าว
ทีมวิจัยคาดว่า กิจกรรมการขายการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2568 และต้นปี 2569 จะยังคงขับเคลื่อนโดยการประมูลขายที่ดินของรัฐของที่อยู่อาศัย และกิจกรรมของกอง REIT โดยการลงทุนขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีมูลค่าต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยและอุตสาหกรรม จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไป
สําหรับการวิจัยและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาค REIT ของสิงคโปร์ โปรดไปที่ https://www.sgx.com/securities/sectors สําหรับแผนภูมิ SREITs & Property Trusts
REIT Watch เป็นคอลัมน์ประจำใน The Business Times อ่านเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่นี่ https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/s-reits-secondary-fundraising-rebounds-2024-more-may-tap-capital-markets-next-year
