

10 Mar 2025 | Category: Market Updates
- ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม หุ้นสิงคโปร์มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันถึง 39 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นับเป็นการซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันทั่วทั้งตลาดสิงคโปร์รายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม และเป็นยอดซื้อสุทธิรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่มีวันทำการซื้อขายน้อยกว่าปกติที่สิ้นสุดวันที่ 27 ธันวาคม
- ภาคธุรกิจสองภาคที่มีการซื้อสุทธิโดยนักลงทุนสถาบันสูงสุดในสัปดาห์คือภาคอุตสาหกรรมและภาคสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ยอดซื้อสุทธิที่ไหลเข้าสองภาคธุรกิจนี้มีจำนวนมากพอที่จะหักกลบกับยอดขายสุทธิโดยนักลงทุนสถาบันของแปดสัปดาห์ก่อนหน้าตั้งแต่ปลายปี 2567
- ในหุ้น 50 ตัวที่มีการซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงสุดของสัปดาห์ Hong Leong Asia, ST Engineering, ISDN และ First Resources ประกาศถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นที่เป็นเปอร์เซ็นต์เลขสองหลัก โดยราคาของ ISDN เพิ่มขึ้น 13% ตามรายงานการเติบโตของกำไรสุทธิที่สามารถจัดสรรได้ 72% ของปีงบประมาณ 2567 และการเติบโตที่ 25% จากครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ไปยังครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2567
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นสิงคโปร์มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันที่ 38.52 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับเป็นการซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันทั่วทั้งตลาดสิงคโปร์รายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม นอกจากนี้ ยังเป็นยอดซื้อสุทธิรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่มีวันทำการซื้อขายน้อยกว่าปกติที่สิ้นสุดวันที่ 27 ธันวาคม 2567
สองภาคธุรกิจที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดสำหรับสัปดาห์ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม และภาคสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ยอดซื้อสุทธิที่ไหลเข้าสองภาคธุรกิจนี้มีมูลค่ามากจนกลับยอดขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบันในสองเดือนที่ผ่านมาได้ ตัวอย่างเช่น ภาคอุตสาหกรรมมียอดขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบันที่ 93.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในสองเดือนแรกของปี 2568 ก่อนที่จะมียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันถึง 102.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ไหลเข้ามาในภาคธุรกิจเดียวกันนี้ นำโดย ST Engineering และ Singapore Airlines ซึ่งยอดซื้อสุทธินี้กลับยอดขายสุทธิของสองเดือนก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกัน Wilmar International, Thai Beverage และ First Resources ขึ้นนำในส่วนยอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันที่ 22.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ที่ไหลเข้ามาในภาคสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ซึ่งมากพอที่จะกลับยอดขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบันของภาคธุรกิจนี้ซึ่งมีจำนวน 8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในสองเดือนแรกของปี
ในหุ้น 50 ตัวที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดในสัปดาห์ที่แล้ว มีหุ้นเพียง 13 ตัวที่เป็นหุ้นในดัชนี Straits Times ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 37 ตัว ยังคงมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดตั้งแต่ 11.2 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (NIO Inc) จนถึง 61 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (Uni-Asia Group) โดยในหุ้น 50 ตัวนี้ หุ้นห้าตัวที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดเมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว คือ UMS Holdings, Yangzijiang Financial (Holding), ComfortDelGro Corporation, PEC และ ST Engineering
นอกจากนี้ ในหุ้น 50 ตัวที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดของสัปดาห์ Hong Leong Asia, ST Engineering, ISDN Holdings และ First Resources ยังได้ประกาศถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นที่เป็นเปอร์เซ็นต์เลขสองหลักสำหรับสัปดาห์แรกของเดือนนี้ ทั้งนี้ หุ้นทั้งสี่ตัวนี้ได้รายงานถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นนี้ในสัปดาห์ก่อนสัปดาห์ที่แล้ว โดย ISDN Holdings เป็นหุ้นตัวสุดท้ายที่รายงาน หลังจากปิดตลาดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
ราคาหุ้นของ ISDN Holdings เพิ่มขึ้น 12.9% ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้ หลังจากที่ผู้ให้บริการโซลูชันด้านวิศวกรรมและการคำนวณอุตสาหกรรมรายงานถึงผลการดำเนินงานของปีงบประมาณ 2567 หลังจากตลาดปิดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยกำไรสุทธิที่สามารถจัดสรรได้ของปีงบประมาณ 2567 เพิ่มขึ้น 72% จากปีงบประมาณ 2566
รายได้ของปีงบประมาณ 2567 ของกลุ่มโตขึ้น 9.0% จากปีงบประมาณ 2566 และ 13.3% จากครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ไปยังครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2567 โดยมีการเติบโตของหน่วยธุรกิจหลักและภูมิภาคทั้งหมด ธุรกิจควบคุมระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรมในจีน ซึ่งมีส่วนถึง 71% ของรายได้ปีงบประมาณ 2567 โตขึ้น 4.0% จากปีงบประมาณ 2566 และโตขึ้น 1.5% จากครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ไปยังครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเป็นไปในแนวเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิตของจีนตลอดทั้งปี 2567 ธุรกิจควบคุมระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มบริษัทซึ่งมีส่วน 20% ของรายได้ของปีงบประมาณ 2567 โตขึ้น 3.1% จากปีงบประมาณ 2566 และโตขึ้น 25% จากครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ไปยังครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2567 สะท้อนให้เห็นถึงการค่อย ๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2566-2567 และสุดท้าย ธุรกิจพลังงานน้ำของกลุ่มบริษัทซึ่งมีส่วน 6% ของรายได้ของปีงบประมาณ 2567 พุ่งขึ้นถึง 233% มาอยู่ที่ 22.3 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งโดยหลักมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำสามแห่งที่ดำเนินการอยู่ เงินปันผลที่จ่ายหลังสิ้นสุดปีงบประมาณของ ISDN Holding สำหรับปีงบประมาณ 2567 อยู่ที่ 0.47 เซนต์ เพิ่มขึ้น 68% จากปีงบประมาณ 2566 นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า ทางกลุ่มบริษัทกำลังเฝ้าติดตามการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรและความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก และจนถึงปัจจุบัน กลยุทธ์ระดับภูมิภาค “Asia-for-Asia” ยังคงป้องกันธุรกิจจากผลกระทบไว้ได้
50 หุ้นที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏตามตารางด้านล่างนี้

ข้อมูลทั้งหมด ณ 7 มีนาคม 2568 ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ (SGX) และ Refinitiv
หมายเหตุ ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน, NIF หมายถึง ยอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบัน