

5 S-Reits ที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันมากที่สุดใน Q3

ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์), BLOOMBERG, ผลการดำเนินงานเป็นสกุลเงินสิงคโปร์ ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2567
5 กอง S-Reits ที่มียอดขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบันมากที่สุดใน Q3

ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์), BLOOMBERG, ผลการดำเนินงานเป็นสกุลเงินสิงคโปร์ ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2567
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในแนวทางอัตราดอกเบี้ยกระตุ้นการฟื้นตัวที่ดีเยี่ยมให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ (S-Reit) ระหว่างไตรมาสที่สามของปี 2567 โดยภาค S-Reit นี้เป็นภาคที่มีผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ดีที่สุด
ดัชนี FTSE ST Reit พุ่งขึ้น 13.6% มาอยู่ที่ 714.76 สำหรับระยะเวลาสามเดือนสิ้นสุดที่เดือนกันยายน 2567 นับเป็นผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีที่สุดตั้งแต่ Q2 ปี 2563 โดยดัชนีให้ผลตอบแทนที่ 16.4% ในระหว่างไตรมาส โดยใช้สมมุติฐานว่าเงินปันผลถูกนำไปลงทุนใหม่ในดัชนี
ในขณะเดียวกัน ดัชนี iEdge S-Reit เพิ่มขึ้น 14.7% นับเป็นผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2553 โดยก่อนหน้านี้ ผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีที่สุดของดัชนีคือ Q2 ปี 2563 ที่ดัชนีเพิ่มขึ้น 14.1%
การปรับตัวขึ้นใน Q3 2567 นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของการลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และเมื่อ 18 ก.ย. ความคาดหวังของนักลงทุนก็เป็นจริง ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 bps มาอยู่ในกรอบ 4.75% – 5% และส่งสัญญาณกว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่านี้
หุ้นทั้งหมด 31 ตัว ในดัชนี iEdge S-Reit มีราคาปิดที่สูงขึ้นใน Q3 โดยกอง S-Reit ที่มีสำนักงานในอเมริกาเป็นผู้ทำกำไรนำ ราคาหน่วยของ Keppel Pacific Oak US Reit เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในระหว่างไตรมาส โดยเพิ่มขึ้นไปที่ 0.27 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.134 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาหน่วยของ Manulife US Reit เพิ่มขึ้น 93.8% ในระหว่างไตรมาส ในขณะที่ราคาหน่วยของ Prime US Reit เพิ่มขึ้น 59.8%
ทรัสต์อื่น ๆ ที่มีสินทรัพย์ในต่างประเทศก็มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเช่นกัน โดย ทรัสต์ CapitaLand China และ United Hamphire Reit มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 27.6% และ 24.1% ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน กอง S-Reit ที่มีสินทรัพย์ประเภทสำนักงานก็มีผลการดำเนินงานที่ดีเช่นเดียวกัน โดย Suntec Reit มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 26.7% และ OUE Reit มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 23.1%
ในส่วนของนักลงทุนสถาบัน ที่เป็นผู้ขายสุทธิของ S-Reit ในสองไตรมาสแรกของปี 2567 ได้กลายมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาสที่ 3 โดยมียอดซื้อสุทธิของภาคธุรกิจนี้ประมาณ 147.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยทรัสต์ Mapletree Pan Asia Commercial มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดในระหว่างไตรมาส ซึ่งมียอดซื้อสุทธิประมาณ 92.4 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เป็นไปในทางกลับกันสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่เป็นผู้ซื้อสุทธิในระหว่างหกเดือนแรกของปี 2567 บรรดานักลงทุนรายย่อยนั้นได้ประโยขน์จากขาขึ้นของตลาดเมื่อไม่นานมากนี้ และมียอดขายสุทธิประมาณ 128.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ของภาค S-Reit ระหว่างเดือนกรกฎาคมและเดือนกันยายน และ Suntec Reit เป็นกอง Reit ที่มียอดขายสุทธิโดยนักลงทุนรายย่อยสูงที่สุด โดยมียอดขายสุทธิถึง 82.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นักลงทุนรายย่อยยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิของ S-Reit โดยรวม ของปีจนถึง 30 ก.ย. โดยมียอดซื้อสุทธิประมาณ 853.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ทางด้านตลาดเองก็คาดหวังว่าอนาคตสำหรับภาค S-Reit นั้นจะดีขึ้น ด้วยเป็นเวลาที่ใกล้รอบลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ
S-Reit ที่มีการกู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในสัดส่วนสูง และทรัสต์ที่ต้องรีไฟแนนซ์หรือต่ออายุการป้องกันความเสี่ยงเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่เอื้ออำนวยยังสามารถเปิดโอกาสให้ S-Reit ดำเนินแผนการเข้าซื้อกิจการหรือการปรับปรุงทรัพย์สินได้
เมื่อ 30 ก.ย. ผู้จัดการของทรัสต์ Mapletree Industrial ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการของอาคารแบบ mixed-use ที่ประกอบไปด้วยศูนย์ข้อมูล (data centre) อาคารสำนักงานส่วนสนับสนุน (back office) อาคารสำหรับการฝึกอบรม และส่วนที่พักที่อยู่ติดกันในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าการซื้อจำนวน 14.5 พันล้านเยน (129.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์)
ผู้จัดการมีเป้าหมายที่จะเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการที่วางแผนไว้นี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนผ่านการกู้ยืมเงินในสกุลเยน
ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการของทรัสต์ CapitaLand Ascott กล่าวเมื่อ 11 ต.ค. ว่าทรัสต์จะเข้าซื้อ lyf Funan สิงคโปร์ ณ มูลค่าทรัพย์สินที่ตกลงกันที่ 263 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
มีการคาดการณ์ว่าการเข้าซื้อกิจการที่เพิ่มผลตอบแทนนี้จะเพิ่มการปันส่วนผลตอบแทนทั้งหมดของทรัสต์ขึ้น 3.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งหมายถึงการปันส่วนผลตอบแทนต่อการเพิ่มขึ้นของหลักประกันทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกันที่ 1.5% ที่คำนวณตามฐานการคาดการณ์ล่วงหน้าของปีงบประมาณ 2567
สำหรับทรัสต์อื่น เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้จัดการของทรัสต์ Elite UK กล่าวว่าทางทรัสต์ได้ยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินหรืออาคารต่อหน่วยงานท้องถิ่นสำหรับพื้นที่การพัฒนาศูนย์ข้อมูลใน Peel Park, Blackpool
คำขอนี้ถูกยื่นหลังมีการขยายแผนการลงทุนของทรัสต์ในเดือนเมษายน และในปัจจุบัน ผู้จัดการทรัสต์กำลังประเมินทางเลือกเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ สำหรับ Peel Park ซึ่งอาจรวมถึงการร่วมมือกับผู้นำการประกอบธุรกิจด้านศูนย์ข้อมูล
สำหรับการวิจัยและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาคธุรกิจ REIT ของสิงคโปร์ กรุณาไปที่ https://www.sgx.com/securities/sectors เพื่อดูรายงาน SREITs และทรัสต์อสังหาริมทรัพย์รายเดือน
REIT Watch เป็นคอลัมน์ประจำใน The Business Times, อ่านต้นฉบับ https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/s-reits-log-best-quarterly-performance-2020-double-digit-returns-q3?fireglass_rsn=true#:~:text=The%20FTSE%20ST%20Reit%20Index,re-invested%20in%20the%20index.&fireglass_params&tabid=a23bcdc2b9652ee8&start_with_session_counter=3&application_server_address=sgx-3-asia-southeast1.prod.fire.glass