03 Sep 2024 | Category: Market Updates

  • ใน 8 เดือนแรกของปี 2567 หุ้น 10 ตัวในภาคธุรกิจเทคโนโลยีของสิงคโปร์ที่มียอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสูงที่สุดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 10% โดยผลตอบแทนรวมเฉลี่ยของหุ้นเหล่านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15% เมื่อรวมเงินปันผลแล้ว หุ้น 10 ตัวนี้สามารถแบ่งระหว่างหุ้นที่ซื้อขายต่ำกว่าและสูงกว่าอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี เฉลี่ย 5 ปี ได้อย่างเท่ากัน
  • Venture มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันถึง 94 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในระยะเวลา 8 เดือน และบรรลุเป้าหมายเรื่องการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องจาก 1Q24 ถึง 2Q24 ปัจจุบันกลุ่มบริษัทกำลังเร่งการดำเนินงานด้านการดูแลลูกค้าใหม่ การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยงจากภูมิศาสตร์การเมืองโลก เพื่อพัฒนาผลการดำเนินงานใน 2H24
  • ณ วันที่ 30 ส.ค. Venture, iFAST และ Frencken เป็นหุ้นที่กองทุนรวมดัชนี (ETF) CSOP iEdge Southeast Asia+ TECH [ชื่อย่อ SQQ] ถืออยู่รวมกันถึง 8.5% โดยกองทุน ETF นี้มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการมูลค่า 129 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นับเป็น 6 เท่า นับตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งเป็นปีที่จัดตั้งกองทุน นอกจากนี้ Lion-OCBC Securities Hang Seng Tech ETF [ชื่อย่อ HST] ยังมียอดการซื้อขายรายวันสูงสุดในรอบ 4 เดือน ในวันเดียวกันนี้อีกด้วย

แนวโน้มสำหรับภาคการผลิตและการค้านั้นกำลังอยู่ในขาขึ้น ดังที่เห็นได้จากหลายสัญญาณ รวมถึง ดัชนีผู้จัดการภาคอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics PMI) ของสถาบันด้านการจัดซื้อและการจัดการวัตถุดิบแห่งสิงคโปร์ (Singapore Institute of Purchasing and Materials Management: SIPMM) ที่แตะค่าเกือบสูงที่สุดในรอบ 6 ปี ซึ่งเป็นตัวเลข 51.3, การเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนในการส่งออกสินค้าที่ผลิตในประเทศของสิงคโปร์ ยกเว้นน้ำมัน ในเดือนกรกฎาคม และการฟื้นตัวที่คาดการณ์ไว้ของภาคการผลิตของสิงคโปร์ที่เป็นผลมาจากความต้องการด้านอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ (Semiconductor) จำนวนมาก

ณ วันที่ 30 ส.ค. Venture Corporation, iFAST Corporation และ Frenchken ถือหุ้นในกองทุนรวมดัชนี (ETF) CSOP iEdge Southeast Asia+ TECH [ชื่อย่อ SQQ] รวมกันถึง 8.5% โดยกองทุน ETF นี้มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการมูลค่า 129 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นับเป็น 6 เท่า นับตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งเป็นปีที่จัดตั้งกองทุน และมีการแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่หลากหลายตั้งแต่ อินเดีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยใน 8 เดือนแรกของ 2567 กองทุน ETF ได้ประกาศผลตอบแทนรวมที่ 13% ในสกุลดอลลาร์สิงคโปร์ หุ้นห้าตัวที่ใหญ่ที่สุดของกองทุน ETF นี้รวมถึง Delta Electronics (13%), Infosys (12%), Astra International (11%), Wipro Ltd (11%) and Sea (9.9%) ซึ่ง Delta Electronics (ชื่อย่อ TDED) ที่เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นยังสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ผ่านตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศของสิงคโปร์

Lion-OCBC Securities Hang Seng Tech ETF (ชื่อย่อ HST) ยังคงรั้งอันดับกอง ETF ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ จากแนวโน้มที่ดีสำหรับการเป็นหุ้นในดัชนีและแนวโน้มสำหรับภาคธุรกิจเทคโนโลยีและธุรกิจที่ต่อเนื่องกับเทคโนโลยีในประเทศจีน เมื่อวันที่ 30ส.ค. ยอดการซื้อขายจำนวน 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ของกองทุน ETF แสดงให้เห็นถึงยอดการซื้อขายรายวันสูงสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐของประเทศจีน (State Administration for Market Regulation) ได้ประกาศถึงการที่ Alibaba ได้ดำเนินการแก้ไขกรณีการขัดขวางการแข่งขันในตลาดค้าปลีกออนไลน์ครบ 3 ปีแล้ว นอกเหนือจากที่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

ถึงแม้ว่าดัชนีทางหุ้นเทคโนโลยีต่าง ๆ ระดับภูมิภาค นำโดยดัชนีที่มีหุ้นหลักอยู่ ได้ประกาศถึงผลกำไรในแปดเดือนแรกของปี 2567 แต่เห็นได้ว่าหุ้นเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวนมากนั้นราคาตกลงมากกว่าจะได้กำไร นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานแบบผสมก็ยังสะท้อนให้เห็นในผลตอบแทนของราคาหุ้นในสิงคโปร์เช่นเดียวกัน

10 หุ้นที่มีการซื้อขายเป็นจำนวนมากในภาคธุรกิจเทคโนโลยีของสิงคโปร์นั้นมีผลตอบแทนรวมเฉลี่ยลดลง 4% ซึ่งสอดคล้องกับหุ้นเกือบ 50 ตัว ในภาคธุรกิจเดียวกันที่มีผลตอบแทนลดลงโดยเฉลี่ย 4% ในแปดเดือนที่ผ่านมา รายชื่อหุ้น 10 ตัว ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในภาคธุรกิจเทคโนโลยีในสิงคโปร์เป็นไปตามตารางด้านล่างนี้

Picture13 2

หมายเหตุ ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Turnover); NIF หมายถึง ยอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสุทธิ (Net Institutional Inflow)
ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567, ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์) และ Refinitiv

 

ในขณะเดียวกัน หุ้น 10 ตัว ในภาคธุรกิจเทคโนโลยีในสิงคโปร์ที่มียอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงสุดมีผลตอบแทนรวมโดยเฉลี่ย 15% ในแปดเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้น 10 ตัว ที่มียอดขายจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงสุดมีผลตอบแทนรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6% เป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้น 10 ตัว ที่มียอดขายจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงสุดนี้ยังเป็นหุ้นที่มียอดซื้อจากนักลงทุนรายย่อยสูงที่สุดในรอบแปดเดือนด้วยเช่นกัน

10 หุ้นเทคโนโลยีของสิงคโปร์ที่มียอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงทีสุดในแปดเดือนที่ผ่านมาปรากฏตามตารางด้านล่างนี้ โดยหุ้น 5 ตัว จาก 10 ตัว ที่ถูกซื้อขายมากที่สุดถูกแสดงเป็นตัวอักษรหนาในทั้งสองตาราง เมื่อสังเกตจากตารางด้านล่าง หุ้น 3 ตัว มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ Silverlake Axis ได้ประกาศเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจแบบไม่มีเงื่อนไขสำหรับหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วในทุนของบริษัท

Picture14

หมายเหตุ ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Turnover); NIF หมายถึง ยอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสุทธิ (Net Institutional Inflow)
ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567, ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์) และ Refinitiv

 

ตามที่ระบุในสองตารางด้านบน Venture Corporation สามารถรักษาตำแหน่งหุ้นเทคโนโลยีที่ถูกซื้อขายมากที่สุดของสิงคโปร์สำหรับปีนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ หุ้นตัวนี้มียอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงสุดในภาคธุรกิจ และเป็นหุ้นที่มียอดซื้อจากนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศสุทธิสูงสุดในตลาดหุ้นสิงคโปร์เป็นอันดับที่แปด ในทางกลับกัน ในปี 2566 หุ้นตัวนี้อยู่ในอันดับที่สี่ของหุ้นที่มียอดขายจากนักลงทุนสถาบันสุทธิสูงสุดในตลาดหุ้นสิงคโปร์

ในเดือนสิงหาคม Venture Corporation รายงานถึงรายได้ของบริษัทสำหรับ 2QFY24 ที่เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเป็นจำนวน 17.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5.7% เป็นจำนวน 63.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งใน 1HFY24 กลุ่มบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,384.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากอุปสงค์ที่ลดลงในไตรมาสแรก ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 123.7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งส่งผลในส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นที่ 8.9% เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนกำไร 8.8% ใน 1HFY23 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเผยว่าสำหรับ 1HFY24 Venture สามารถบรรลุเป้าหมายเรื่องการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องจาก 1QFY24 ถึง 2QFY24 และทางกลุ่มฯ เองก็กำลังเร่งการดำเนินงานด้านการดูแลลูกค้าใหม่ การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยงจากภูมิศาสตร์การเมืองโลก เพื่อพัฒนาผลการดำเนินงานใน 2H24

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *