31 1

การซื้อขายหุ้นในดัชนี STI อย่างต่อเนื่องสะท้อนถึงการจับตาภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง

22 Aug 2024 | Category: Market Updates

  • ตลาดโลกยังติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯที่ชะลอตัวลง ทำให้การซื้อขายหุ้นในดัชนี STI ทรงตัวในช่วง 4 วันทำการ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 40 จุด และปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% เนื่องจากตลาดยังอิงอยู่กับรายงานการว่างงานเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ วันที่ 3 ก.ย. และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่อาจมีขึ้นในวันที่ 18 ก.ย.

 

  • สถาบันต่าง ๆ เป็นผู้ซื้อหุ้นสุทธิมาตลอด 4 วันทำการ โดยมีทุนไหลเข้าสุทธิจำนวน 171 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นำโดย สถาบันทางการเงิน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และ SATS ผู้นำอันดับหนึ่งของการขนส่งทางอากาศระดับโลกรายงานผลการดำเนินงานที่พลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิสำหรับ 1QFY25 ถึง 65 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ในขณะที่ก็ยังคาดหวังแรงกระตุ้นในทางบวกในไตรมาสที่กำลังจะมาถึง

 

  • นอกเหนือจากหุ้นในดัชนี STI แล้ว หุ้นที่มีส่วนในกระแสทุนสถาบันไหลเข้าสุทธิ (NIF) ของ 4 วันทำการนี้ รวมถึง Lendlease Global REIT, NetLink NBN Trust, iFAST Corp, Keppel DC REIT, CLINT, Suntec REIT & Nam Cheong โดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. Nam Choeng รายงานถึงผลกำไรหลังหักภาษี (NPAT) ของ 1HFY24 ที่ 635.8 ล้านริงกิตมาเลเซีย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 31.7 ล้านริงกิตมาเลเซีย ใน 1HFY23 ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการยกเว้นภาษีเป็นหลัก

โฟกัสระดับโลกเรื่องตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับการชะลอภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ส่งผลใน 4 วันทำการซื้อขายสำหรับดัชนี STP โดยมีช่วงราคาถึง 40 จุด และเพิ่มขึ้น 1.8% เหตุการณ์หลักในเดือนกันยายนรวมถึงรายงานการว่างงานเดือนสิงหาคม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. หากอัตราการว่างงานยังคงใกล้ 4.3% ซึ่งเป็นระดับที่เห็นในเดือนกรกฎาคม หรือรายงานระบุว่าสูงกว่านั้น มีแนวโน้มว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 ก.ย. จะเป็น 25bps ในปัจจุบัน เครื่องมือที่ช่วยให้ทราบถึงการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมที่จะเกิดขึ้น (CME FedWatch) แสดงให้เห็นว่าสองในสามของตลาดคาดหวังถึงการลดอัตราดอกเบี้ยที่ 25bps และหนึ่งในสามของตลาดคาดหวังถึงการลดอัตราเบี้ยที่ 50bps การคาดหวังเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมานี้

การเพิ่มขึ้นในดัชนี STI ของ 4 วันทำการ ที่ 1.8% สอดคล้องกับทุนไหลเข้าสถาบันสุทธิจำนวน 171 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ กระแสเงินบางส่วนนี้มาจาก ช่วงเวลาประกาศผลประกอบการของหุ้นในประเทศที่กำลังจะหมดฤดูกาลลงแล้ว ซึ่งจำนวนถึง 28 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ของทุนไหลเข้าที่รวมกันได้ถึง 171 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ของ 4 วันทำการนี้ เกิดขึ้นจาก SATS เมื่อวันที่ 21 ส.ค. SATS โดยหุ้น SATS ยังซื้อขายที่ 10 เท่า ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน หลังจากที่ SATS ได้รายงานถึงการพลิกกลับของกำไรหลังหักภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (PATMI) ใน 1QFY25 ที่ 65 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เทียบกับตัวเลขขาดทุนที่ 29.9 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ใน 1QFY2024 ทั้งนี้ การพลิกกลับมามีกำไรของ SATS นี้มาจากยอดขายที่มากขึ้น และกำไรจากการชำระสินเชื่อเพียงครั้งเดียวถึง 7.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ร่วมกับหุ้นส่วนในอินโดนีเซีย ฝ่ายบริหารของ SATS กล่าวว่าทางบริษัทคาดหวังแรงกระตุ้นในทางบวกในไตรมาสที่กำลังจะมาถึงด้วยการฟื้นฟูทางการบินที่ต่อเนื่องและปริมาณการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นที่ทางบริษัทได้ดำเนินการไป ปัจจุบัน SATS รั้งอยู่ที่อันดับหกของกระแสทุนสถาบันไหลเข้าในตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน เป็นรองจาก Singapore Telecommunications, United Overseas Bank, Singapore Technologies Engineering, Oversea-Chinese Banking Corporation และ Yangzijiang Shipbuilding

หากพิจารณาโดยภาคธุรกิจแล้ว ภาคบริการทางการเงินและ REIT ครองตำแหน่งกระแสทุนสถาบันไหลเข้ามากที่สุดในสี่วันทำการนี้ โดยหุ้น 30 ตัว ที่มีกระแสทุนสถาบันไหลเข้าสูงสุดในสี่วันทำการนี้ปรากฏตามตารางด้านล่าง

Picture17

หมายเหตุ NIF หมายถึง กระแสทุนสถาบันไหลเข้า (Net Institutional Inflow) ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(Average Daily Turnover) ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2567, ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์)

นอกเหนือจากหุ้นในดัชนี STI แล้ว หุ้นที่มีส่วนมากที่สุดในกระแสทุนสถาบันไหลเข้าสุทธิ (NIF) ของ 4 วันทำการนี้ รวมถึง Lendlease Global Commercial REIT, NetLink NBN Trust, iFAST Corporation, Keppel DC REIT, CapitaLand India Trust, Suntec REIT และ Nam Cheong ตามตารางข้างล่างนี้

Picture18

หมายเหตุ NIF หมายถึง กระแสทุนสถาบันไหลเข้า (Net Institutional Inflow) ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(Average Daily Turnover) ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2567, ที่มา: SGX (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์)

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. Nam Cheong รายงานผลกำไรสุทธิหลังภาษี (NPAT) ของ 1HFY24 ที่ 635.8 ล้านริงกิตมาเลเซีย ที่เพิ่มขึ้นจาก 31.7 ล้านริงกิตมาเลเซีย ใน 1HFY23 ที่โดยหลักเป็นผลมาจากการยกเว้นภาษี นับจากการเริ่มต้นเล็ก ๆ ในปี 2511 โดยการสร้างเพียงเรือประมง ปัจจุบันกลุ่มบริษัทได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ต่อเรือสนับสนุนกิจการนอกชายฝั่ง (Offshore Support Vessels (OSV)) ที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ที่เป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจหนึ่งในอู่ต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ OSV ในมาเลเซีย โดยประธานบริหารของ Nam Cheong แถลงว่า กลุ่มบริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะใช้ประโยชน์จากอุปสงค์ที่ต่อเนื่องในตลาดน้ำมันและก๊าซ (O&G) พร้อมแจงถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากอัตราเช่าเหมาลำรายวันที่สูงขึ้นและการใช้งานเรือลำใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เพิ่มเป็นหนึ่งในกองเรือที่ใหม่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *