ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนรวมสูงสุด 7% ในเดือนพฤศจิกายน ภายใต้เงินไหลเข้าสุทธิ 700 ล้านเหรียญสิงคโปร์

• STI บันทึกผลตอบแทนทั้งหมด 7% ในเดือนพฤศจิกายน โดยหุ้น 100 อันดับแรกของสิงคโปร์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในปี 2022 YTD โดยเทียบกับผลตอบแทนรายเดือนอีกด้วย โดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นผู้นำหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในเดือนนี้ โดยมี Genting Sing, Jardine C&C, NIO Inc, The Hour Glass, Parkson Retail และ mm2 Asia โดยทั้งหมดนี้ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยถึง 15%

 

• หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 หุ้นของสิงคโปร์มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 712 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายน โดยกลุ่มธนาคาร หุ้นกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มโทรคมนาคมเป็นผู้นำด้านทุนไหลเข้าสุทธิ ในขณะที่กลุ่ม REIT พลังงาน และการดูแลสุขภาพมีการบันทึกเงินทุนไหลออกสุทธิมากที่สุด

 

• ภูมิภาคนี้ได้รับประโยชน์จากการลดลง 5% ของดัชนีดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนนี้ นอกเหนือจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น เอเชียจะเป็นกลไกหลักของการเติบโตทั่วโลกในปี 2023 และ 2024 และนโยบายขับเคลื่อนสำคัญของจีน เช่น การปรับกฎโควิดให้เหมาะสม การสนับสนุนทางการคลัง สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและสนับสนุนนโยบายตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ

ในเดือนพฤศจิกายน STI เพิ่ม 6.4% โดยเงินปันผลช่วยเพิ่มผลตอบแทนรวมเป็น 6.9% ซึ่งนี่เป็นค่าประสิทธิภาพต่อราคาที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับ STI ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 จากดัชนี FTSE Asia Pacific ที่กว้างขวางขึ้น สร้างหนึ่งในผลกำไรรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดังที่แสดงไว้ด้านล่าง ดัชนี FTSE Asia Pacific Index 10.7% ของผลตอบแทนรวม (ในรูปของ SGD) ในเดือนพฤศจิกายน มาพร้อมกับการลดลงของเกณฑ์มาตรฐานในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาที่ 14.8%

ที่มา: SGX, Refinitiv, Bloomberg (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2022)

หุ้นสิงคโปร์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 อันดับในปีนี้ประกอบด้วย 30 องค์ประกอบของ STI และคิดเป็น 95% ของมูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นสิงคโปร์ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา โดยหุ้น 100 ตัวนี้มีผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 6.6% ต่อเดือน โดยมีค่ามัธยฐานของผลตอบแทนรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7% นอกจากนี้ หุ้น 100 ตัวยังมีการบันทึกเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 712 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายน ทำให้เงินทุนไหลเข้าสุทธิของหุ้น 100 ตัวในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.18 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมี Unite d Overseas Bank, Jardine Cycle & Carriage, Singapore Telecommunications, CapitaLand Investment และ Genting Singapore เป็นผู้นำเงินทุนไหลเข้าสุทธิของหุ้น 100 ตัวในเดือนดังกล่าว ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. Jardine Cycle & Carriage มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นกว่ส 25 เท่าของมูลค่าการซื้อขายปกติ โดยมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 119 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยหุ้นดังกล่าวเพิ่มเข้าใน MSCI Singapore Free Index เมื่อปิดตลาด

ดังที่แสดงด้านล่าง ในบรรดาหุ้น 100 หุ้น กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มโทรคมนาคมเป็นผู้นำด้านทุนไหลเข้าสุทธิในเดือนพฤศจิกายน โดยกลุ่มสามกลุ่มแม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงในลำดับ เป็นโทรคมนาคม กลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคก็ยังเป็นผู้นำการไหลเข้าสุทธิของกองทุนในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา .

หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 อันดับใน 2022 YTD

ในสิงคโปร์ กลุ่มโทรคมนาคมได้บันทึกการไหลเข้าของเงินทุนสุทธิมากที่สุดในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 924 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และตามมาด้วย DBS Group Holdings ที่มีการไหลเข้าสุทธิของสถาบันมากที่สุดในปี 2021

สำหรับเดือนพฤศจิกายน ภาค REIT เป็นผู้นำการไหลออกของเงินทุนสุทธิ โดยภาคส่วนนี้ยังเป็นผู้นำการไหลออกของเงินทุนสุทธิในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย

ด้านการเติบโตของเอเชียนั้น อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดที่สำคัญตลอดเดือนพฤศจิกายน

• ในด้านการเติบโต OECD คาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP โลกจะลดลงจาก 3.1% ในปี 2022 เป็น 2.2% ในปี 2023 ในขณะที่ยังคงให้เอเชียเป็น ‘กลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโต’ ในปี 2022 และ 2023 ในขณะที่ยุโรป อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ต่ำมาก แนวโน้มการเติบโตของจีนได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษในเดือนพฤศจิกายน ด้วยการเคลื่อนไหวนโยบายที่รวมถึงกฎโควิดที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อหนุนเศรษฐกิจ การสนับสนุนทางการคลังแก่ธุรกิจขนาดเล็ก นโยบายการเงินที่สนับสนุน เพิ่มเติมจากรายงานของชุดนโยบายตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สนับสนุนซึ่งรวมถึง 16 มาตรการ ร่วมเผยแพร่โดย PBOC และ CBIRC
• สำหรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ความสนใจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ FOMC ในวันที่ 14 ธันวาคม โดยคาดการณ์ เชิง Dovish ที่มากขึ้นที่ 50bps มากกว่าที่จะขึ้นเป็น 75bps ตลอดทั้งเดือน ในขณะเดียวกัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 ยังคงมีความผันผวนสูง และใน 2023 ความคาดหวังอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นไปในเชิง Hawkish มากขึ้น โดยการคาดการณ์ส่วนใหญ่ในขณะนี้จะเห็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 00-5.25% ซึ่งมีจะผลในเดือนมีนาคมตลอดจน 1 พ.ย. 2023 FOMC ที่เดียว ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะลดลง 5% ในหลักเดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทน UST ระยะยาว 10 ปีลดลงจาก 4.05% เป็น 3.60% ในเดือนนี้

ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงหลักสามประการที่ต้องระวังในปี 2566 ซึ่งถ่ายทอดโดย MTI เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้แก่:

• ผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ‘พร้อมๆ กัน’ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสร้างผลกระทบที่มากกว่าที่คาดไว้ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจขั้นสูง;
• ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินอาจทวีความรุนแรงขึ้นหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่เป็นระเบียบของตลาด; และ
• ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของสงครามในยูเครนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

สำหรับหุ้นสิงคโปร์ที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 หุ้น หุ้นกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค และ กลุ่มเทคโนโลยี เป็นผู้นำด้านกำไรในเดือนพฤศจิกายน โดยในด้านสินค้าอุปโภคบริโภค Genting Singapore, Jardine Cycle & Carriage, NIO Inc, The Hour Glass, Parkson Retail (ระบุในรายการของ SGX) และ mm2 Asia ได้รับผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 15%  โดยผลตอบแทนรวมโดยเฉลี่ยสำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีตามมาติดๆ จากหุ้น AEM Holdings, UMS Holdings, Frencken Group, Nanofilm Technologies International, iFAST Corporation, Aztech Gbl, ISDN Holdings และ Silverlake Axis โดยเฉลี่ย 14% ของผลตอบแทนรวมตลอดทั้งเดือน

หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 อันดับของสิงคโปร์ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมามีดังต่อไปนี้

ที่มา: SGX, Refinitiv, Bloomberg (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2022) ระบุบนรายการของ SGX