ssss

หุ้นที่มีการซื้อขายอย่างคึกคักที่มีผลตอบแทนสูงสุดของไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ในช่วงต้นของไตรมาสที่ 2 ปี 2025

08 May 2025 | Category: Market Updates

  • ดัชนี Straits Times (STI) มีผลตอบแทนรวมลดลง 1% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ในช่วงเวลาดังกล่าว นักลงทุนสถาบันมีการเข้าซื้อสุทธิในหุ้นจำนวน 92 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อซื้อสุทธิในหุ้นจำนวน 904 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในหุ้น 100 ตัวที่มีการซื้อขายมากที่สุดในปี 2568 มีหุ้น 10 ตัวที่สวนทางกับการลดลงด้วยผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์สองหลัก
  • หุ้น 10 ตัวนี้ ได้แก่ CNMC Goldmine, Food Empire, Sheng Siong, Singtel, Hongkong Land, ST Engineering, Frasers Hospitality Trust, Geo Energy Resources, Jardine Matheson และ Top Glove Corp Bhd โดยหุ้นทั้ง 10 ตัวนี้มีผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 14% ซึ่งทำให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยในปี 2568 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าที่ 28%
  • กลุ่มหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด 10 ตัวถัดไปในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งมีผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 6% ครอบคลุมแปดภาคธุรกิจ สิ่งที่เหมือนกันในหุ้นเหล่านี้คือแปดในสิบตัวสร้างรายได้ส่วนใหญ่จากสิงคโปร์ หุ้นกลุ่มนี้ประกอบด้วยหุ้นของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) สองตัว ได้แก่ Frasers Centrepoint Trust และ Parkway Life REIT

ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2568 ดัชนี STI ได้ตกลง 2.7% โดยมีเงินปันผลช่วยลดการตกลงของผลตอบแทนรวมให้อยู่ที่ 1.1% โดยรวมแล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ฟื้นตัวจากการลดลงในช่วงต้นเดือนเมษายนได้ซึ่งเกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

ตั้งแต่มีการประกาศพักการเรียกเก็บภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วันจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม รัฐบาลทรัมป์ได้ระบุว่ามีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าที่เป็นไปในเชิงบวกกับหลายประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม เวลาที่อาจต้องใช้สำหรับการลงมติและการเห็นชอบร่วมกัน หมายถึง ตลาดกำลังคาดหวังว่าการพักการเรียกเก็บภาษีชั่วคราวนี้จะถูกขยายออกไปเป็นระยะเวลานาน สถานการณ์นี้ทำให้ตลาดโลกเผชิญกับสองความเป็นไปได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งอัตราภาษีในระดับสูงและต่ำ

 

ผู้ว่าการ Waller ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงในคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) คาดการณ์ว่า ภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบในทางลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ในขณะที่ภาษีศุลกากรที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระดับที่รุนแรงน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งสองรูปการณ์จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างในระดับต่าง ๆ โดยภาษีที่สูงจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เปลี่ยนไปสู่รูปแบบที่ขับเคลื่อนโดยผู้ผลิตมากขึ้น ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดได้คาดการณ์อย่างชัดเจนว่านโยบายการค้าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตน้อยลง ถึงอย่างนั้น ยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในทันที ในเรื่องนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนของรัฐบาลกลางจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับเข้ามา แนวโน้มเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และการประเมินภาพรวมของความเสี่ยงต่างๆ

ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม บรรดานักลงทุนสถาบันได้เข้าซื้อสุทธิในหุ้นสิงคโปร์สุทธิเป็นมูลค่า 92 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยภาคโทรคมนาคมและภาคอุตสาหกรรมเป็นผู้นำในการซื้อสุทธิโดยนักลงทุนสถาบันนี้ ในขณะที่ธนาคารในดัชนี STI และภาคเทคโนโลยีเป็นผู้นำในการขายออกสุทธิโดยนักลงทุนสถาบัน ในเวลาเดียวกัน นักลงทุนรายย่อยได้ซื้อสุทธิในหุ้นสิงคโปร์เป็นมูลค่า 904 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยการซื้อสุทธิเน้นไปที่เพียงสามภาคธุรกิจที่มีการเติบโตมากขึ้น ได้แก่ ธนาคาร เทคโนโลยี และสินค้าฟุ่มเฟือย

โดยรวมแล้ว หุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด 100 ตัวในปีนี้สะท้อนถึงการตกลงของดัชนี STI โดยมีการลดลงเฉลี่ยในผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 1.1% ตามตารางด้านล่าง หุ้น 10 ตัวที่สร้างผลตอบแทนรวมที่แข็งแกร่งที่สุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม นำโดย CNMC Goldmine และหุ้นสองตัวในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน และ Singtel โดยถูกมองว่ามีความเป็นป้องกันมากขึ้นในมุมมองเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน หุ้นทั้ง 10 ตัวนี้ยังมีการยอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย หุ้นทั้ง 10 ตัวถูกมองว่ามีเป็นหุ้นที่มีความปลอดภัยในแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกปัจจุบัน และยังมีการซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันในช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย

10 อันดับหุ้นที่มีผลตอบแทนรวมสูงสุดในไตรมาส 2 ปี 2568 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ในกลุ่มหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด

 

ชื่อย่อ ADT ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M) ผลตอบแทนรวม ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน (%) NIF ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน

(S$M)

NIF

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M)

NRF ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน(S$M) NRF ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M) ผลตอบแทนรวม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (%) ผลตอบแทน (%) ภาคธุรกิจ
CNMC Goldmine 5TP 0.99 26.1 4.4 3.3 -5.6 -5.1 77.6 1.5 วัสดุ & ทรัพยากร
Food Empire F03 1.15 16.3 7.7 -8.5 -6.8 5.4 62.1 4.1 สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน
Sheng Siong OV8 3.42 15.5 16.4 3.7 -29.7 -18.1 15.5 3.6 สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน
Singtel Z74 101.70 13.1 598.8 765.8 -420.7 -680.5 26.0 4.5 โทรคมนาคม
HongkongLand USD H78 16.75 13.0 37.3 24.9 -31.3 -32.7 12.1 5.4 อสังหาริมทรัพย์

(ยกเว้น REIT)

ST Engineering S63 47.77 12.5 105.8 246.8 -81.5 -246.7 64.0 2.4 อุตสาหกรรม
Frsers HTrust ACV 1.71 11.8 2.4 -4.9 -3.6 3.6 13.7 3.7 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
Geo Energy Res RE4 1.82 10.3 4.5 4.1 -3.8 -4.7 23.4 2.8 พลังงาน / น้ำมัน & ก๊าซ
JMH USD J36 13.01 10.2 34.0 59.1 -16.4 -27.2 16.4 5.4 อุตสาหกรรม
Top Glove BVA 1.34 10.2 3.4 13.7 -2.6 15.2 -34.9 N/A การดูแลสุขภาพ

ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 7 พ.ค. 2568

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ (SGX) และ LSEG Workspace

หมายเหตุ: : ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Turnover), NIF หมายถึง ยอดซื้อขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบัน (Net Institutional Flow) และ NRF หมายถึง ยอดซื้อขายสุทธิจากนักลงทุนรายย่อย (Net Retail Flow)

นอกจากนี้ เก้าในสิบหุ้นถัดไปที่มีผลตอบแทนรวมแข็งแกร่งที่สุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 จนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ยังมีการเข้าซื้อสุทธิจากนักลงทุนสถาบันในช่วงเวลาดังกล่าวตามตารางด้านล่าง ในจำนวนหุ้น 10 ตัวนี้ที่แสดงในตารางด้านล่าง หุ้นแปดตัวมีรายได้ตามภูมิศาสตร์จากสิงคโปร์ ในขณะที่ DFI Retail Group และ SIA Engineering แบ่งรายได้ตามภูมิภาค หุ้นทั้งแปดตัวรายงานว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ในปีการเงินก่อนหน้า

10 อันดับถัดไปของหุ้นที่มีผลตอบแทนรวมสูงสุดในไตรมาส 2 ปี 2025 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ในกลุ่มหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด ชื่อย่อ ADT ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M) ผลตอบแทนรวม ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน (%) NIF ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน

(S$M)

NIF

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M)

NRF ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน(S$M) NRF ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(S$M) ผลตอบแทนรวม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (%) ผลตอบแทน (%) ภาคธุรกิจ
DFIRG USD D01 2.67 9.9 14.6 8.7 -11.2 -11.0 15.1 4.3 สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน
ComfortDelGro C52 12.46 7.8 32.1 20.5 -50.9 -51.3 6.3 5.1 อุตสาหกรรม
Frasers Cpt Tr J69U 11.61 7.8 35.1 -14.4 -51.4 -24.7 11.3 5.4 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
SGX S68 40.20 7.1 91.0 113.3 -74.3 -112.7 13.2 2.6 การบริการทางการเงิน
Sembcorp Ind U96 23.53 6.5 49.1 127.7 -46.4 -156.0 22.3 3.6 สาธารณูปโภค
Raffles Medical BSL 2.32 5.5 9.0 16.5 -9.9 -23.8 23.5 2.5 การดูแลสุขภาพ
NetLink NBN Tr CJLU 4.07 5.1 10.8 5.5 -13.8- -6.9 6.3 5.9 โทรคมนาคม
SIA Engineering S59 0.98 4.1 -0.1 -7.0 0.0 7.1 -4.2 3.7 อุตสาหกรรม
Centurion OU8 1.89 3.2 9.5 6.6 -10.0 -10.6 34.4 3.0 อสังหาริมทรัพย์

(ยกเว้น REIT)

ParkwayLife Reit C2PU 5.01 2.4 3.5 23.4 -10.7 -25.3 14.0 3.5 ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)

ข้อมูลทั้งหมด ณ วันที่ 7 พ.ค. 2568

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ (SGX) และ LSEG Workspace

หมายเหตุ: : ADT หมายถึง มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Turnover), NIF หมายถึง ยอดซื้อขายสุทธิจากนักลงทุนสถาบัน (Net Institutional Flow) และ NRF หมายถึง ยอดซื้อขายสุทธิจากนักลงทุนรายย่อย (Net Retail Flow)

หลังจากการปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก นักลงทุนทั่วโลกได้เพิ่มความสนใจไปยังเศรษฐกิจที่มีความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง หรือมีวิธีการที่จะสนับสนุนความต้องการภายในประเทศหากมีความเสี่ยงขาลงทั่วโลก หรือเกิดสถานการณ์ภาษีสูงเกิดขึ้น มุ่งหน้าสู่ปี 2568 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เน้นย้ำว่าการคลังและสถาบันทางการเงินที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ทำให้ประเทศมีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายในระยะกลางและระยะยาว หากความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตเกิดขึ้นจริง IMF ระบุว่าสิงคโปร์มีพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอในการจัดสรรมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมที่เป็นการชั่วคราวและมุ่งเป้าอย่างเฉพาะเจาะจง โดยมีสินทรัพย์ทางการเงินที่ของรัฐบาล (สุทธิจากหนี้รัฐบาล) คิดเป็น 95% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 นอกจากนี้ IMF ยังระบุว่าภาคธนาคารซึ่งประกอบเป็นเกือบ 60% ของทรัพย์สินในภาคการเงินทั้งหมดยังคงแสดงให้เห็นถึงเงินทุนสำรองที่เหลือเฟือ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ความสามารถในการทำกำไรสูง และสถานะสภาพคล่องที่มั่นคง สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในหลายๆ การดำเนินนโยบาย ซึ่งรวมถึง Forward SG เพื่อรับมือกับทั้งความท้าทายและโอกาสในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *